บริการประชาชน
บริการประชาชน
วันที่นำเข้าข้อมูล 15 ก.ย. 2562
วันที่ปรับปรุงข้อมูล 30 พ.ย. 2565
การจดทะเบียนสมรส การใช้คำนำหน้านามและชื่อสกุลหลังการสมรส
1. การจดทะเบียนสมรสตามกฎหมายไทยที่สถานเอกอัครราชทูตฯ
2. คุณสมบัติของผู้ร้อง
(1) ชายและหญิงมีอายุ 17 ปี บริบูรณ์
(2) ไม่เป็นบุคคลวิกตจริตหรือเป็นบุคคลที่ศาลสั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถ
(3) ไม่เป็นญาติสืบสายโลหิตโดยตรง หรือเป็นพี่น้องร่วมบิดาหรือมารดา
(4) ผู้รับบุตรบุญธรรมจะทำการสมรสกับบุตรบุญธรรมไม่ได้
(5) ต้องไม่อยู่ในระหว่างสมรสกับผู้อื่น
(6) หญิงที่สามีตายหรือการสมรสสิ้นสุดลงด้วยประการอื่น จะทำการสมรสใหม่ได้ ต่อเมื่อการสิ้นสุดแห่งการสมรสได้ผ่านพ้นไปแล้วไม่น้อยกว่า 310 วัน เว้นแต่ ก.คลอดบุตรแล้วในระหว่างนั้น ข. สมรสกับคู่สมรสเดิม ค. มีคำสั่งศาลให้สมรสได้
(7) กรณียังไม่บรรลุนิติภาวะ ต้องได้รับความยินยอมจากบิดามารดาหรือผู้มีอำนาจให้ความยินยอม กรณีไม่มีผู้มีอำนาจให้ความยินยอม หรือมีแต่ไม่ให้ความยินยอม ผู้เยาว์อาจร้องขอต่อศาลเพื่ออนุญาตให้ทำการสมรสได้
3. เอกสารประกอบการยื่นจดทะเบียนสมรส
(1) บัตรประจำตัวประชาชน
(2) หนังสือเดินทางที่มีอายุใช้การได้อยู่
(3) หนังสือรับรองความเป็นโสด (ตัวจริง) อายุไม่เกิน 6 เดือน นับตั้งแต่วันที่ออก ถ้าเคยแต่งงาน / เคยหย่ามาก่อน ต้องมีหนังสือรับรองความเป็นโสดหลังหย่า หรือถ้าคู่สมรสเสียชีวิตต้องมีหนังสือรับรองความเป็นโสด มีข้อความระบุว่า หลังคู่สมรสเสียชีวิตแล้วไม่ได้แต่งงานอีก
(หมายเหตุ บุคคลสัญชาติไทยที่ไม่มีหนังสือรับรองความเป็นโสด สามารถเดินทางไปยื่นคำร้องมอบอำนาจที่สถานเอกอัครราชทูตฯ เพื่อให้ญาติไปขอหนังสือรับรองโสดที่สำนักงานทะเบียนในประเทศไทยได้)
(4) ทะเบียนบ้านไทย และโปแลนด์ หรือ ยูเครน
(5) ทะเบียนหย่า ในกรณีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหรือทั้งสองฝ่ายเคยจดทะเบียนสมรสมาก่อน แต่ได้หย่าขาดแล้ว
(6) กรณีฝ่ายหญิงหย่าขาดมาน้อยกว่า 310 วัน ณ วันที่ยื่นขอจดทะเบียนสมรสใหม่จะต้องนำใบรับรองแพทย์ ระบุว่าไม่ได้ตั้งครรภ์มายื่นเพิ่มเติม ยกเว้นกรณีจดทะเบียนกับคู่สมรสเดิมก็ไม่จำเป็นต้องมีใบรับรองแพทย์ดังกล่าว
(7) ในกรณีที่คู่สมรสเสียชีวิต ให้ยื่นสำเนามรณบัตรด้วย
(8) กรณีมีการเปลี่ยนชื่อ และ/หรือนามสกุล ให้นำเอกสารแสดงการเปลี่ยนแปลงชื่อดังกล่าวมาแสดง
(9) เจ้าหน้าที่อาจเรียกเอกสารเพิ่มเติมได้ แล้วแต่กรณี
4. คำนำหน้าชื่อหญิงไทยหลังการสมรส
5. การใช้ชื่อสกุลหลังการสมรส
(1) คู่สมรสสามารถใช้ชื่อสกุลของอีกฝ่ายหนึ่งเป็นชื่อรองได้เมื่อได้รับความยินยอมจากฝ่ายนั้นแล้ว (ไม่สามารถควบชื่อสกุลทั้งสองเข้าด้วยกันได้)
(2) คู่สมรสมีสิทธิใช้ชื่อสกุลของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งตามที่ตกลงกัน หรือต่างฝ่ายต่างใช้ชื่อสกุลเดิมของตนได้ การตกลงดังกล่าวนี้ จะกระทำเมื่อมีการสมรสหรือในระหว่างสมรสก็ได้ และคู่สมรสจะตกลงเปลี่ยนแปลงข้อความในวรรคหนึ่งภายหลังก็ได้
(3) เมื่อการสมรสสิ้นสุดลงด้วยการหย่า หรือศาลพิพากษาให้เพิกถอนการสมรส ให้ฝ่ายที่ใช้ชื่อสกุลของอีกฝ่ายหนึ่งกลับไปใช้ชื่อสกุลเดิมของตน
(4) เมื่อการสมรสสิ้นสุดด้วยความตาย ให้ฝ่ายที่ยังมีชีวิตอยู่และใช้ชื่อสกุลของอีกฝ่ายหนึ่งมีสิทธิใช้ชื่อสกุลนั้นได้ต่อไป แต่เมื่อจะสมรสใหม่ ให้กลับไปใช้ชื่อสกุลเดิมของตน
6. การดำเนินการภายหลังการสมรส
7. ข้อแนะนำ
8. เอกสารประกอบในการมอบอำนาจเพื่อเปลี่ยนคำนำหน้าชื่อ และชื่อสกุล หลังการสมรส ให้แก่บุคคลอื่นในประเทศไทยดำเนินการแทน
(1) หนังสือเดินทาง
(2) บัตรประชาชน
(3) ทะเบียนบ้านไทย
(4) ทะเบียนบ้านโปแลนด์ หรือ ยูเครน
(5) ทะเบียนสมรสไทย
(6) หากจดทะเบียนสมรสท้องถิ่น (โปแลนด์ หรือ ยูเครน) ต้องนำใบสำคัญการสมรสไปแปล รับรองโดยหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง (ดูรายละเอียดเพิ่มเติมในหัวข้อการรับรองเอกสาร) และนำมารับรองอีกครั้งที่สถานเอกอัครราชทูตฯ
(7) หลักฐานการเปลี่ยนชื่อ-สกุล ฯลฯ
(8) หนังสือข้อตกลงการใช้ชื่อสกุลของคู่สมรส พร้อมลงลายมือชื่อของคู่สมรสพร้อมพยานรับรอง 2 คน และเจ้าหน้าที่กงสุลสถานเอกอัครราชทูต ลงลายมือชื่อรับรอง
(9) คำร้องขอทำนิติกรณ์
(10) ค่าธรรมเนียม 80 สว้อตตี้
09.00 – 17.00 (พักกลางวัน : 12.00 – 13.00)